logo-heading

เหตุใด ทำไม โรดรี้ ถึงไม่มีชื่อเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก

เมื่อไม่นานมานี้ พรีเมียร์ลีก ได้เปิด 8 รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีประกอบไปด้วย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, ฟิล โฟเด้น, ดีแคลน ไรซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โอลลี่ วัตกินน์, โคล พาลเมอร์ และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค 

ซึ่งต้องยอมรับว่าลิสต์นักเตะ 8 รายที่กล่าวมาต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเหมาะสมทุกประการกับการมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีนี้

แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า นั่นก็คือ "ไม่มีชื่อ โรดรี้ อยู่ในลิสต์ได้ยังไง" เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า โรดรี้ คือกองกลางที่สำคัญที่สุดของ แมนฯ ซิตี้ เปรียบเสมือนกระดูนสันหลังของทีมที่ขาดไม่ได้ อีกทั้งเจ้าตัวยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมมีโอกาสคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 

ทาง พรีเมียร์ลีก อาจมองว่า โรดรี้ ไม่ได้โดดเด่นเหมือนปีก่อน และมีคนอื่นยอดเยี่ยมมากกว่า ซึ่งหากเรามาเจาะลึกโดยระเอียด จะเห็นว่า โรดรี้ ยังเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ไม่ต่างจากปีก่อนๆเลยแม้แต่น้อย

หากย้อนกลับไปเมื่อต้นซีซั่น นัดที่ แมนฯ ซิตี้ เปิดรังเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 แต่เกมดังกล่าว โรดรี้ ดันไปถูกใบแดงไล่ออกสนาม ทำให้เจ้าตัวถูกแบนยาวถึง 3 นัดด้วยกัน

และ 3 เกมที่ ทัพเรือใบสีฟ้า ไม่มีชื่อของ โรดรี้ อยู่ในสนามปรากฏว่าพวกเขาแพ้ทั้ง 3 นัด ประกอบไปด้วยแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 แพ้ อาร์เซน่อล 1-0 และแพ้ นิวคาสเซิ่ล ในศึก คาราบาว คัพ 1-0

เท่านั้นไม่พอเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ 15 ของฤดูกาล แมตซ์นั้น โรดรี้ มีปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถลงสนามได้ทำให้ เป๊ป เลยตัดสินใจใช้ จอห์น สโตนส์ ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กับ มานูเอล อคานจี บวกกับการบุกไปเยือน สิงห์ผงาด ที่ วิลล่า พาร์ค ณ เวลานั้น ต้องบอกว่าโคตรหิน โคตรแข็งแกร่ง

 

 

ส่งผลให้รูปเกมวันนั้นของ แมนฯ ซิตี้ ดูไม่จืด โดนบุกกระหน่ำแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เกมแดนกลางแพ้ทางฝั่งเจ้าบ้านแบบไม่มีทางต่อกร สโตนส์ และ อคานจี ไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของ โรดรี้ ได้เลย

จบเกม แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายพังพาพไป 1-0 โดนกระหน่ำยิงไปถึง 22 ครั้ง ส่วนฝั่ง ซิตี้ มีโอกาสง่างประตูแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งห่างกันเกือบ 10 เท่า เป็นสิ่งแฟนบอลชาวโลก รวมถึงผมไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน 

4 นัดที่ พลพรรคเรือใบสีฟ้า โดยไม่มี โรดรี้ อยู่คุมบัญชาการเกมกลางสนาม เรียกได้ว่าพังพินาศทั้ง 4 นัด เป็นสิ่งที่ตอกย้ำเลยว่า โรดรี้ สำคัญกับพวกเขาขนาดไหน 

ถ้าเราลองมาเทียบกับผู้เข้าชิงอย่าง เดแคลน ไรซ์ กองกลางสุดฮ็อตของ อาร์เซน่อล ที่เล่นตำแหน่งเดียวกับ โรดรี้ แม้ส่วนใหญ่ในช่วงหลัง เขาจะถูกจับไปยืนในตำแหน่งหมายเลข 8 แล้วก็ตาม ซึ่งถ้าหากดูผิวเผินอาจจะมองว่า ไรซ์ โดดเด่นกว่า มีทั้งประตู ทั้งแอสซิสต์ มีส่วนร่วมทั้งกับเกมรุก เกมรับ และไม่มีใครแทนได้

ซึ่งในความคิดส่วนตัว ผมมองว่า ไรซ์ ยังทดแทนได้ด้วย ปาร์เตย์ แม้อาจไม่ดีเท่า แต่ถ้าวัดจากคุณภาพถือว่าไม่ต่างกันขนาดนั้น

ส่วนทางฝั่ง โรดรี้ ไม่มีใครสามารถทดแทนได้เลยแม้แต่รายเดียว แถมเกมไหนไม่ได้ลงสนามอัตราความบรรลัยต้องบอกว่าสูงลิบ 


 

ทีนี้เรามาลองดู stat ของทั้งคู่ และลองเอามาเปรียบเทียบกันดูครับ

จำนวนประตู 7 ประตูเท่ากัน 

จำนวนแอสซิตซ์ โรดรี้ 9 ครั้ง*, ไรซ์ 8 ครั้ง 

สร้างโอกาสทำประตู 44 ครั้งเท่ากัน | 

ความแม่นยำการจ่ายบอล โรดรี้ 92.35%*, ไรซ์ 90.72% 

จำนวนการแทคเคิ้ล โรดรี้ 64 ครั้ง, ไรซ์ 79 ครั้ง* 

เลี้ยงหลบสำเร็จ โรดรี้ 40 ครั้ง*, ไรซ์ 21 ครั้ง 

เปอร์เซ็นชนะลูกกลางอากาศ โรดรี้ 69.33%, ไรซ์ 44.58% 

เข้าปะทะสำเร็จ โรดรี้ 188 ครั้ง*, ไรซ์ 150 ครั้ง 

ชนะการดวลบนพื้น 56% เท่ากัน 

เครียร์บอล โรดรี้ 38 ครั้ง, ไรซ์ 51 ครั้ง* 

ตัดบอลจากการส่ง โรดรี้ 23 ครั้ง, ไรซ์ 43 ครั้ง* 

การแย่งบอล โรดรี้ 212 ครั้ง, ไรซ์ 172 ครั้ง

และตลอดการลงสนาม 31 เกมของ โรดรี้ ใน พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่แพ้แม้แต่เกมเดียว แบ่งออกเป็นชนะ 24 เสมอ 7 แถมมีส่วนร่วมกับประตูถึง 16 ลูกด้วยกัน นี่เป็นการตอกย้ำความยอดเยี่ยมของ โรดรี้ ว่าเขาสุดยอดมากแค่ไหน ซึ่งมองจากจุดไหนชื่อของ โรดรี้ ก็เหมาะสมทุกประการกับการมีชื่อเข้าชิง

หากเรามาดู stats ดังกล่าวแล้วจะเห็นได้เลยว่า โรดรี้ ดูจะมีภาษีดีกว่า เดแคลน ไรซ์ ในบางจุดเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้จะบอกว่า ไรซ์ ไม่เก่งนะครับ ไรซ์ เป็นนักเตะที่เก่งมากๆ และสมควรมีชื่อติดอยู่ในผู้เข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก 

แต่บทความนี้จะชี้จะเห็นว่า โรดรี้ มีความสำคัญอย่างไรกับ แมนฯ ซิตี้ และผลงานของเขายังอยู่ในระดับท็อปลีก ไม่ต่างกับ เดแคลน ไรซ์ เลยแม้แต่น้อย และสมควรอย่างยิ่งกับตำแหน่งหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี แม้ว่า พรีเมียร์ลีก จะไม่เห็นในจุดนี้ก็ตาม..

-บีเบลล์ กูนเนอร์-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline