logo-heading

ทีมชาติไทย ชุดยู23 กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง หลังตกรอบแรกศึกชิงแชมป์เอเชีย หมดสิทธิ์ลุ้นตั๋วไปโอลิมปิคเกมส์ 2024 ที่ปารีส ตามที่ใฝ่ฝันไว้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกคนรู้ดีว่า มันไม่ได้ไปง่ายๆ อยู่แล้วแหละกับฟุตบอลโอลิมปิกเนี้ยะ และเราก็ไม่ได้ไปมาเป็นหลายสิบปีแล้ว

บวกกับเรื่องปัญหาการเตรียมทีม การเรียกตัวนักเตะ บลาๆ ถามจริงๆ ว่าเราคิดเหรอว่าทีมชุดนี้จะได้ไปโอลิมปิกจริงๆ ซึ่งเราไม่ได้ด้อยค่านักเตะของเรา หรือมาซ้ำเติมอะไร เพียงแต่อยากจะบอกว่าเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุดของทีมชาติไทย ชุดนี้ และต่อให้ได้นักเตะชุดที่ดีที่สุดมา ผมก็เชื่อว่าเราก็ยังไม่ดีพอจะเป็น 1 ใน 3 ของเอเชียในการไปลุยโอลิมปิก หรือจะติดที่ 4 ได้ไปเพลย์ออฟก็ตาม

แต่ถ้าสมมติเราได้ชุดเต็มมา แบบเต็มจริงๆ บางทีเราอาจจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ และอาจจะได้เข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ก็เป็นได้ แต่มาพูดตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฟุตบอลมันจบไปแล้ว เราตกรอบแล้ว และกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว

ย้อนกลับไปในเกมนัดเปิดสนามที่เราเจอกับ อิรัก เอาตรงๆ ก็ไม่คิดว่าเราจะทำผลงานได้ดีขนาดนี้ คือสามารถเอาชนะ อิรัก ได้ 2-0 ซึ่งพอเราเปิดหัวได้ดี แน่นอนมันย่อมคิดไปว่า เห้ย!! แบบนี้ก้มีโอกาสดิว่ะ!! ลุ้น 1 แต้มจากซาอุฯ และไปตบทาจิฯ นัดสุดท้าย นี่คือสิ่งที่เราฝั่นกันหลังจบเกมแรก ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

พอมาถึงเกมสอง ความจริงมันก็เริ่มปรากฏให้เห็น เมื่อเราแพ้ให้กับแชมป์เก่าอย่างซาอุฯ แบบขาดลอย 5-0 ซึ่งสกอร์ 5-0 ที่เกิดขึ้นนั้นสำคัญมาก ทำให้นัดสุดท้ายเราค่อนข้างเสียเปรียบคู่แข่งในการลุ้นเข้ารอบ บวกกับ อิรัก ดันคืนฟอร์มเอาชนะ ทาจิกิสถานได้อีก ทุกอย่างเลยไม่ค่อยเข้าทางทีมช้างศึกเท่าไหร่

เกมกับซาอุฯ หลายคนบอกว่าเราเล่นดี รูปเกมไม่ได้เป็นรองขนาดนั้น เพียงแต่สกอร์ที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะมาตรฐานของตัวผู้เล่น บวกกับความเฉียบคม และการทำหน้าที่อันบัดซบของกรรมการจีนในวันนั้นทำให้สกอร์มันออกมาขาดลอยขนาดนี้ แต่ก็นั่นแหละจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นี่คือความจริงที่มันเกิดขึ้น

มาถึงเกมชี้ชะตากับ ทาจิกิสถาน เมื่อคืนวันก่อน เราเองเหมือนจะได้เปรียบ สามารถกุมชะตาชีวิตตัวเองได้ แต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย!! ความสำคัญอยู่ที่คู่ของ ซาอุฯ กับ อิรัก คือถ้าอิรัก มันเอาชนะได้ เราก็ตกรอบทันที เพราะดันไปโดนซาอุฯ ยิงมาไส้แตก 5 ลูก มันก็จบแล้ว

และในเกมกับ ทาจิกิสสถาน หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์การเล่นของทีมชาติไทย ที่เล่นแบบระมัดระวัง ไม่กล้าบุกเหมือนเกมแรก เล่นเหมือนรอโดน บางคนก็บอกว่ามันก็ต้องเล่นแบบนี้ เพราะต้องดูผลอีกคู่ ถ้ายังเสมอกันอยู่เราก็เข้ารอบ เพราะเฮดทูเฮดเราดีกว่าอิรัก ไม่ต้องเร่งเกม

บ้างก็บอกว่า เห้ย!! เล่นแบบนี้มันก็มีแค่แพ้ กับ เสมอ ซึ่งโจทย์แรกเราต้องชนะก่อน แม้จะตกรอบ แต่ถ้าเล่นเพื่อเอาชนะ แล้วทำได้ ต่อให้เสียใจ เสียดายที่ตกรอบ แต่มันก็สมศักดิ์ศรี และแฟนบอลก็น่าจะชื่นชมมากกว่า ที่เล่นแบบนี้แล้วแพ้ตกรอบ ซึ่งก็โดนด่าไปตามระเบียบ เรื่องนี้ก็แล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ใครจะคิดเห็นยังไงก็แล้วสุดแท้แต่ท่านก็แล้วกัน

ส่วนตัวผมคิดว่าอย่างน้อยมาถึงนัดสุดท้าย เกมทิ้งทวนรอบแรก จะได้เข้ารอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่เราควรเล่นให้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจผลอีกคู่ เล่นไปตามศักยภาพที่เรามี ต่อให้สู้เต็มที่ แล้วแพ้อยู่ดี แต่เชื่อว่าแฟนบอลจะเข้าใจ แต่ผมมั่นใจว่าถ้าเราเลือกที่จะเล่นเพื่อชนะ เราจะไม่แพ้ในเกมล่าสุดแน่นอน ชนะแล้วตกรอบ มันก้ดีกว่าแพ้แล้วตกรอบอยู่ดี สุดท้ายผลลัพธ์ เป็นยังไง ก็อย่างที่เห็น!!

 

ซึ่งการตกรอบแรก จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไร และมันก็เป็นความเป็นจริงที่ควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ถ้าเราไม่โลกสวยและเข้าข้างตัวเองมากเกินไป ถ้าไปด้วยการเตรียมทีมแบบนี้ ด้วยขุมกำลังแบบนี้ แล้วทะลุเข้ารอบได้ สมมติคว้าตั่วไปโอลิมปิกได้จริงๆ ไอ้ตรรกะเรื่องที่เราจะต้องวางแผนการเตรียมทีมให้ดี ให้เป็นระบบ เลือกนักเตะที่ดีที่สุดมา มันก็จะตกไป เพราะขนาดเรามาแบบนี้ยังทำได้

ดังนั้นการตกรอบแรก ด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มมันถูกต้องแล้ว กับสภาพทีมและปัญหาที่มันเกิดขึ้นกับทีมชาติไทยของเรา ซึ่งจริงๆ ก็ไม่เฉพาะกับทีมชาติไทย ชุดนี้ มันก็ทุกชุดนั่นแหละ รอดูว่าความจริงของทีมชุดใหญ่มันจะเกิดขึ้นตามมาไหมในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ก็คอยดูกัน แต่ผมก็เชียร์ให้เราได้เข้ารอบต่อไปนะ

กลับมาที่ชุดยู23 การตกรอบครั้งนี้ บอกเลยว่ามีบทเรียนมากมายที่เราจะต้องเรียนรู้ และเอามาปรับปรุงแก้ไขเพื่อวันข้างหน้า แต่ในขณะที่ผมพิมพ์อยู่นี้มันก็แออจักกะจี้ตัวเอง เพราะรู้ดีกว่าสุดท้ายมันก็อีหรอบเดิม เรามีบทเรียนมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วกับเรื่องการเตรียมทีม เรื่องการเรียงลำดับให้ความสำคัญ การวางระบบโครงสร้างของทีมชาติไทย แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

ทำงานกับแบบลูกทุ่งเหมือนเดิม จะเตะทีก็เตรียมทีมที หาโค้ชใหม่กันที แก้ไขหน้างานกันไปที เอาผักชีโรยหน้าไป มันก้วนเวียนอยู่แบบนี้ ผมเลยไม่คิดว่านี่จะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้เรียนรู้และนำไปปรับปรุงแก้ไข อย่างที่เราคิดกัน ก็ปล่อยให้มันเป็นไปแบบสไตล์ไทยแลนด์แล้วกัน

เดี๋ยวปลายปีนี้มีอาเซียน คัพ ปีหน้ามีซีเกมส์ ก็เดี๋ยวมารอดูแล้วกันว่าทุกอย่างมันจะดีกว่าตอนเตรียมทีมไปปรีโอลิมปิกไหม เราจะเอาชุดใหญ่แบบเต็มสูบไปป้องกันแชมป์หรือเปล่า ชุดยู23 เราจะหยุดลีก และเรียกนักเตะที่ดีที่สุดไปล่าแชมป์ซีเกมส์หรือไม่ ไว้มารอดูกัน

ก่อนจะจบเรื่องทีมชาติไทย ชุดยู23 ขอพูดถึงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในทัวรืเนาเม้นท์นี้หน่อยแล้วกัน แม้ผลงานโดยรวมเราจะล้มเหลว แต่มันก็ยังพอมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน

นั่นก็คือเราได้รู้จักกับ เอราวัณ กานิเยร์ ดาวเตะลูกครึ่งฝรั่งเศส ที่ถือเป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของทีมชาติไทยในรายการนี้ ซึ่งถ้าไม่มี เอราวัณ ร่วมทัพไปด้วย ก้ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็ได้เพ็ชรเม็ดงามที่จะเป็นตัวเลือกให้กับชุดนี้ และชุดใหญ่ได้ในอนาคต เหมือนที่เราเจอ นิโคลัส มิคเกลสัน เมื่อปีก่อน

และนอกจาก เอราวัณ แล้ว ก็มีนักเตะในทีมชุดนี้ที่เล่นได้เข้าตาหลายคน อย่าง โสภณวิชญ์ รักญาติ นายทวารกัปตัยทีมก็ถือว่าโดดเด่นและช่วยทีมได้เยอะ โชคไม่ดีที่เจ็บไปในเกมสอง นักเตะอย่าง ชนภัช บัวพันธ์ รองกัปตันทีม ก็ถือเป็นเดอะแบกในแผงหลัง เล่นได้โดดเด่นมากๆ คนนึง

วาริส ชูทอง ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ผมชอบ เล่นได้ทั้งแบ็กขวา ปีกขวา และกองกลาง อนาคตใช้ได้ และอีกคนก็คือ เสกสรรค์ ราตรี ตัวรับจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ก็ถือว่าแจ้งเกิดในรายการนี้ได้เหมือนกัน และจริงๆ อีกหลายคนที่ทำได้ดี แต่ไม่ได้พูดถึง ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ในทีมชุดนี้ สู้ต่อไปในเส้นทางสายอาชีพของตัวเอง

ส่วนอนาคตของทีมชาติไทย ชุดยู23 หลังจากนี้ ก็หมดวาระของ อิสสระ ศรีทะโร กับการคุมทีมมา 2 ปีเต็ม จากนี้ก็คงจะต้องหากุนซือคนใหม่เข้ามาทำทีม ถ้าให้เดาคงจะเบนเป้าไปหาโค้ชญี่ปุ่น เพื่อทำทีมไปในทิศทางเดียวกันกับทีมชุดใหญ่ หรือไม่แน่ก็อาจจะเป็น อิชิอิ นี่แหละที่คุมควบทั้งสองทีม

แต่ทัวร์นาเม้นท์ต่อไปก็คือนู้นเลย ซีเกมส์ ปีหน้าที่กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพ บอกเลยว่าเราติดตามความบันเทิงได้เลย นี่คือรายการที่สำคัญที่สุดของโลกอาเซียน และเราเป็นเจ้าภาพเองด้วย ยังไงซะ ฟุตบอลซีเกมส์ มันต้องทองเท่านั้น เป็นอื่นไปไม่ได้ บอกเลยปีหน้าสนุกแน่นอน ฟุตบอลไทย ปู้นๆ

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline